skip to Main Content
02-530-9204-5 sammachiv.pr@gmail.com
ความท้าทายใหม่…ในยุค Disruptive & Digital Society

ความท้าทายใหม่…ในยุค Disruptive & Digital Society

โดย อ.มนู อรดีดลเชษฐ์ ได้ให้เกียรติบรรยายในหลักสูตรผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง รุ่นที่ 9 เมื่อวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม 2561 ในหัวข้อ “ความท้าทายใหม่ (Disruptive & Digital Society” น่าสนใจอย่างยิ่ง

เมื่อพูดถึง Power of Change กล่าวคือสังคมเราเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงขั้นที่หนึ่ง เป็นการปรับปรุงรูปแบบการทำงานให้ดีขี้นกว่าเดิม สิ่งต่อไปจะปรับปรุงให้ดีขึ้น ปรับปรุงโดยใช้วิชาการ ใช้เทคโนโลยี เรียกว่า Reform ปรับปรุงให้แรงขึ้นเป็นการปรับเปลี่ยนหมายความว่า Mindset บางส่วนเปลี่ยนหมด จะทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน Reform หรือการปรับเปลี่ยนแนวความคิดใหม่ ทำให้ชาวบ้านประทับใจ อย่างรัฐบาลกำลังทำคือ Reform ไม่ใช่ Improvement

การเปลี่ยนแนวคิดใหม่หรือเปลี่ยนพื้นฐานความเชื่อเดิมของเรา แต่เดิม เช่น ธนบัตร ประชาชนที่เราใช้ซื้อขายใช้เงินกู้ซึ่งอีก 50 ปี อาจไม่ได้ใช้อีกแล้ว เรียกว่า เปลี่ยน Social Norm สิ่งนี้จะอยู่กับเราภายใต้ 4.0 ซึ่งถ้าเราไม่เริ่มวันนี้ การลดความเหลื่อมล้ำก็จะยากมากเพราะความเหลื่อมล้ำเกิดจากฐานของ Social Norm  ความเหลื่อมล้ำแก้ไม่ได้ถ้าแค่ปรับปรุง เราต้องปรับเปลี่ยนแต่มีผลกระทบต่อ Social Norm

ดังนั้น Disruptive คือการเปลี่ยนสิ่งเก่าแล้วเอาสิ่งใหม่มาด้วย เปลี่ยนแนวคิด วิธีการ กฎระเบียบเพี่อรับสิ่งใหม่ Disruptive จะต้องใช้พลังงานมากในการเปลี่ยนแปลง เช่นการเปลี่ยนแปลงของแบงก์ซึ่งเปลี่ยนรูปแบบวิธีการ แต่การบริการการเงินยังอยู่หรือรัฐบาลมีกระทรวง 20 กระทรวง เมื่อปรับการบริหารใหม่เหลือ 5 กระทรวง การบริหารงานมีการเปลี่ยนแปลง แต่ระเบียบกฎหมายต่างๆ ยังทำงานได้เหมือนเดิม

นี่คือ Disruptive

ส่วนโครงการต่างๆที่เกิดขึ้น เมื่อเกิดในยุคไม่ดี เช่นทุนการศึกษา เราใช้กลไกระบุตัวตน ด้วยบัตรประชาชน ซึ่งเป็นกลไกเก่า 2.0 ทำให้คนที่ได้ไปโกงได้

4.0 คืออะไร สำหรับรัฐบาลอาจจะกล่าวถึงยุคต่างๆ ในอุตสาหกรรม แต่วันนี้จะมาพูดถึงเทคโนโลยีขุดใหม่ที่จะเข้ามาเปลี่ยนโลกทั้งใบ 4.0 เรามีเทคโนโลยีชุดใหม่เข้ามาเปลี่ยนโลกทั้งใบ เป็น โลก 4.0 เทคโนโลยีทำให้โลกยุค 0.0 เป็น 1.0

ในยุคที่ 1 เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก เริ่มจาก  เครื่องจักรไอน้ำ ต่อมาหลายร้อยปีก็มาเป็น ยุคที่ 2 เทคโนโลยีคือไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า  เราก็มีเครื่องจักรกล ที่ขับเคลื่อนด้วยกระแสไฟฟ้า อีก100 ปีต่อมาก็เข้าสู่ยุคที่ 3 คือ ยุคเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ที่ทำให้มนุษย์เก่งขึ้น ฉลาดขึ้นสืบเนื่องมาจากการพัฒนาความสามารถของคอมพิวเตอร์ที่สามารถประมวลผลได้รวดเร็วและแม่นยำ

วันนี้ 3.0 เรากำลังเผชิญปัญหาเทคโนโลยีชุดใหม่สำคัญมากเพราะเรากำลังเปลี่ยนสู่ยุคที่ 4 เทคโนโลยี 4.0 จะเข้าแก้ปัจจัยพื้นฐานของสังคมวันนี้ เริ่มจากวันนี้คุณกับผมไม่ต้องมีความน่าเชื่อถือซึ่งกันและกัน แต่เทคโนโลยีจะมาปฏิรูปสังคมและความน่าเชื่อถือ กล่าวคือ ไม่ต้องมีความน่าเชื่อถือกันแต่เทคโนโลยีจะสามารถสร้างความน่าเชื่อถือแทน

เราจะออกไปเปลี่ยนสังคมด้วยเทคโนโลยีเดิมอาจไม่ได้ โลกเราอยู่มาได้ต้องพึ่งพาทรัพยากร ที่เป็นต้นทุนในการผลิตสินค้า เรามีโรงงาน ในการได้ทรัพยากรต้องมีความน่าเชื่อ ต้องแข่งขัน

สำหรับยุคที่ 4 ถ้าเราไม่รู้ว่ายุคที่ 4 คืออะไรแต่เราจะมาสร้างทรัพยากรตัวใหม่ ที่ไม่มีข้อจำกัด ทรัพยากรที่เป็นดิจิตอลจะเข้ามา เป็นทรัพยากรที่ใช้ไม่หมดแต่เราจะต้องมีสติปัญญาความรู้ การนำมาใช้ไม่ต้องมีศูนย์กลาง

ในยุค 4.0 เราต้องไม่มีความน่าเชื่อถือต่อกันแล้วเรามีทรัพยากรตัวใหม่เข้ามา โดยใช้ไม่หมดแต่ต้องมีความรู้ในการนำมาใช้ จึงไม่จำเป็นต้องมีศูนย์กลาง

สำหรับTechnology   ที่สำคัญมี 3 กลุ่ม

  • การเชื่อมโยง (Connectivity) อินเทอร์เน็ตคือตัวอย่างของเทคโนโลยีเชื่อมโยง เราเอาอินเทอร์เน็\ต เข้าสู่ท้องถิ่น เพื่อทำงานสู่การเปลี่ยนแปลงเป็นสินค้า แล้วทำให้สิ่งที่เขาทำเข้าสู่ตลาด
  • การจัดการข้อมูล (Cloud) ซึ่งเป็นที่รวบรวมข้อมูล รวบรวมความรู้ ซึ่งมีมหาศาลมัน ลอยเหมือนก้อนเมฆ กลายเป็นโลกใบที่ 2 เป็นโลกแห่งทรัพยากรชุดใหม่ บริษัทใหญ่ใช้ข้อมูลมาช่วยในการจัดการ แต่เดิมเรามีข้อมูลวิเคราะห์ตัวเอง เช่น บัญชี การเงิน การทำงาน

แต่ปัจจุบันเรามี website  มีข้อมูลภายนอกอย่างมหาศาล แล้วเราใช้เครื่องจักรในการวิเคราะห์คาดคะเน แล้วแนะนำว่าเราควรทำอย่างไรทำให้เกิดความฉลาด เกิดขึ้นอย่างมากมาย ซึ่งเราสามารถนำไปช่วยคนจนได้

  • Trust Transaction รัฐต้องเข้าใจกลไก แล้วออกกฎหมายควบคุมส่วนนี้กับ Block Chain เป็นกลไกพัฒนาระบบทำให้เกิดความเชื่อมั่น และอีกอย่างคือ Smart Contracts มีความสามารถที่ไม่มีใครเข้าไปปรับแก้ได้ทำให้ข้อตกลงน่าเชื่อถือหลายๆ ประเทศกำลังพัฒนากลไกตัวนี้ เพื่อไม่ให้เกิดกรณี การสวมสิทธิ์

แต่เดิมเราพูดถึงบริษัทข้ามชาติ จะรู้สึกว่าใหญ่มากๆ แต่เทคโนโลยีจะทำให้บริษัทผู้ประกอบการรายเล็กๆ เป็นล้านคนเกิดเป็นบริษัทข้ามชาติ เป็น Micro เพราะต้นทุนการทำงานต่ำมาก

  • ยุคใหม่จะใช้พวกเราเป็นตัวเชื่อม การเปลี่ยนแปลงให้คนเล็กๆ อยู่ใน Supply Chain ระดับโลกได้
  • เรื่องการเชื่อมโยง ทั้งภายในบริษัทเล็กๆ เชื่อมโยงกันเป็น Supply Chain ของเครือข่าย
  • พฤติกรรมของผู้บริโภค จะเปลี่ยนผู้บริโภคจะหาข้อมูลการซื้อขายจาก Block chain
  • Trust Protocol ข้อมูลตอบสนองความน่าเชื่อถือ Trade Finance Using Block Chain การค้าขายข้ามชาติจะเกิดได้ง่ายขึ้น เปิดโอกาสให้คนเล็กๆ มาทำการค้าได้

ดังนั้นไทยแลนด์ 4.0 คือ วิธีการแก้ไขให้ประเทศเข้าสู่ยุคใหม่ จริงๆ แล้วจะเป็นการเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจ นี่คือหลักคิดของการใช้เทคโนโลยีตัวนี้ในการเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจ เน้นประโยชน์ลูกค้าไม่ใช่เน้นตัวสินค้า

Back To Top