skip to Main Content
02-530-9204-5 sammachiv.pr@gmail.com
กระทุ้งเปิดพื้นที่“ฟ้าทะลายโจร”  ใช้รักษาผู้ติดเชื้อโควิดโอมิครอน

กระทุ้งเปิดพื้นที่“ฟ้าทะลายโจร” ใช้รักษาผู้ติดเชื้อโควิดโอมิครอน

กระทุ้งเปิดพื้นที่“ฟ้าทะลายโจร”

ใช้รักษาผู้ติดเชื้อโควิดโอมิครอน

 

ถ้านับตั้งแต่ 1 ม.ค. 2565 เรื่อยมา เชื้อโอมิครอนระบาดในไทยเกือบครบเดือนแล้ว ข้อมูลเมื่อ 25 ม.ค. มีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่ม 6,718 รายและเสียชีวิต 12 ศพ ปรากฎการณ์เช่นนี้สอดรับกับผลวิจัยทางการแพทย์ทั่วโลกเห็นตรงกันว่า เชื้อโอมิครอนมีความรุนแรงน้อยเมื่อเทียบกับเชื้อโควิดเดลตา รวมทั้งหากรักษาได้รวดเร็วก็สามารถลดอัตราการเสียชีวิตให้น้อยลงได้

 

 

อีกทั้ง การรักษาผู้ติดเชื้อโอมิครอนนั้น ระบบสาธารณสุขไทยในช่วงหลังๆ เน้นให้กักตัวผู้พบเชื้อโควิดเพื่อเฝ้าดูอาการอยู่บ้านเป็นด่านหน้าการรักษาที่สำคัญที่สุด โดยด่านหน้านี้สัมพันธ์กับกระบวนการรักษาผู้ป่วยไม่ให้ล้นโรงพยาบาลจนนำพาไปสู่การล้มละลายของระบบสาธารณสุขด้วย

 

ด้วยเหตุนี้ การะบาดของโอมิครอนกับกระบวนการด้านสาธารณสุขจึงสอดคล้องกัน อีกอย่างยังยืนยันถึงระดับ”ความไม่รุนแรง”ของโอมิครอนได้เป็นรูปธรรม ดังนั้น “เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ” โดย พ.ท.พญ.กมลพรรณ ชีวพันธ์ศรี เลขาธิการฯ ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ศบค. ซึ่งมุ่งประเด็นหลักไปที่การจัดการโควิด ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศและความไม่รุนแรงของโอมิครอน

 

จดหมายเปิดผนึกของเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศยื่นไปแล้วตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค. 2565 โดยมีเนื้อความสำคัญเชิงชี้แนะพร้อมเตือนระบบสาธารณสุขไทยกับ ศบค. ว่า อย่าทําเรื่องง่ายเป็นเรื่องยาก ซึ่งจะทำให้ประชาชนเสี่ยงเสียชีวิตและเศรษฐกิจฟื้นช้าจากการหลงทิศไปผิดทางในกระบวนการรักษาโควิดโอมิครอน แต่เสียงชี้แนะนี้กลับเงียบเฉย ไม่รู้นายกรัฐมนตรีได้อ่านหรือยัง

 

เสียง “อย่าทําเรื่องง่ายเป็นเรื่องยาก” นั้น เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ พุ่งไปที่การใช้ “ยาฟาวิพิราเวียร์” ผลิตจากประเทศญี่ปุ่นมารักษาผู้ติดเชื้อโควิดในช่วงการกักตัวเฝ้าดูอาการที่บ้าน ซึ่งจัดเป็นยารักษาหลักของสาธารณสุขไทย เพราะยานี้ไม่สัมพันธ์กับความรุนแรงของเชื้อโอมิครอน อีกอย่างยาฟาวิพิราเวียร์ไม่ได้ลดการเข้าไอซียูและไม่ช่วยลดการเสียชีวิต สิ่งนี้คือ สภาพการณ์ผิดทิศหลงทางในการรักษาของไทย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศญี่ปุ่นแหล่งผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ กลับไม่ได้ใช้ยานี้มารักษาผู้ติดเชื้อโควิด  ประกอบกับยานี้ยังมีผลข้างเคียง เช่นม่านตาเปลี่ยนสีเป็นสีม่วง ตับอักเสบ หัวใจเต้นช้าลง และไม่รู้จะแก้ไขได้อย่างไรแล้วจะหายไปเมื่อไหร่

 

สิ่งที่เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ แนะนำอย่างเป็นรูปธรรม คือ ชี้แนะให้ระบบสาธารณสุขไทยให้ความสำคัญกับยาสมุนไพรอย่าง “ฟ้าทะลายโจร” มารักษาและกำจัดเชื้อโอมิครอน โดยเชื่อและผ่านประสบการณ์โดยตรงว่า ใช้รักษาพร้อมกำจัดโอมิครอนได้ดีกว่ายาฟาวิพิราเวียร์ และยังช่วยทําให้ตับดีขึ้นด้วย

 

 

นอกจากนี้ ในจดหมายเปิดผนึกยังขอรัฐบาลประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้ในการใช้สมุนไพรใกล้ตัวที่หาง่าย มารักษาตนเองเบื้องต้นเมื่อมีไข้ไอ มีน้ำมูก เพราะฟ้าทะลายโจร ขิง กระชาย ยาห้าราก หรือยาตัวอื่นๆ โดยให้แพทย์แผนไทยร่วมกันทำคู่มือการรักษาผู้ป่วยโควิด และคู่มือการดูแลรักษาตนเองของประชาชน เนื่องจากปัจจุบันเตียงที่รับผู้ป่วยในโรงพยาบาลมีจำกัด และเหนืออื่นใดจะทำให้ประชาชนไม่สุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียชีวิตจากความบกพร่องของระบบสาธารณสุขและนโยบายของรัฐบาล ซึ่งใครจะรับผิดชอบ

 

อีกอย่างการระดมฉีดวัคซีนของรัฐบาลที่ฉีดเข้ากล้ามตามคําแนะนําของบริษัทผลิตวัคซีนนั้น ที่ผ่านมาพบว่า มีประชาชนส่วนหนึ่งสูญเสียชีวิตและมีผลกระทบตามมาเช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง รวมทั้งมีผลวิจัยการฉีดซีนเข้าชั้นผิวหนังอาจารย์ธีรวัฒน์ เหมะจุฑา พบว่ามีผลข้างเคียงน้อยและได้ภูมิคุ้มกันขึ้นพอๆกันด้วย

 

A health worker receives the second dose of a Pfizer-BioNTech Covid-19 vaccine at Hospital Posta Central in Santiago, on January 15, 2021. (Photo by CLAUDIO REYES / AFP)

 

สำหรับในเด็กเล็ก ที่ไม่สามารถฉีดวัคซีนและกินฟ้าทะลายโจรไม่ได้ เมื่อมีอาการไข้ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ควรใช้ Azithromycin จะได้ผลดี จึงเป็นอีกทางหนึ่งที่ประชาชนที่มีลูกหลานเล็ก ไม่สามารถกินฟ้าทะลายโจรเม็ด สามารถใช้ยานี้ขนาดหนึ่งช้อนชาต่อน้ำหนัก 20 กิโลกรัม วันละครั้งเพียงห้าวันก็จะเห็นผลดี

 

นอกจากนี้ เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ ยังเสนอคู่มือประชาชนในการจัดการตัวเองให้ปลอดภัยแนบมาพร้อมจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีด้วย โดยมีเนื้อหาสำคัญคือ ให้ใช้ยาฟ้าทะลายโจรเมื่อมีไข้ไอ เจ็บคอมีน้ำมูก กิน 3-5 เม็ดเป็นเวลา 5 วัน วันรุ่งขึ้นจะดีขึ้น รวมทั้งยังเสนอให้รัฐบาลแจกชุด ATK ฟรีแก่ประชาชนคนละหนึ่งชุดต่อสัปดาห์ และแจกฟรีฟ้าทะลายโจร

 

ถึงวันนี้ไม่รู้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้อ่านจดหมายเปิดผนึกแล้วหรือยัง เพราะไม่มีเสียงว่ากล่าวประการใดส่งกลับให้ผู้ยื่นจดหมายได้รับรู้ มิหนำซ้ำสาธารณสุขยังลอยหน้าลอยตาขาย ATK ราคาถูกให้ประชาชน แทนที่จะแจกฟรีอย่างเท่าเทียมทุกผู้ทุกนามในยามเศรษฐกิจฝืดเคือง สินค้าจำเป็นเพื่อปากท้องทยอยขึ้นราคา กอบโกยเอากำไรไปกระจุกตัวให้กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต

 

“หากไม่แก้ไขไกด์ไลน์กรมการแพทย์จะมีมาตรการในขั้นตอนต่อไป” นี่เป็นคำเตือนที่ส่งไปในตอนท้ายของจดหมายเปิดผนึก ซึ่งเป็นเสียงเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศที่ไม่ต้องการให้ ศบค.และกรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุข เกิดความล่าช้าในการการรักษาโควิดซ้ำหนสอง

 

ยังเป็นเสียงเตือนมุ่งปกป้องการเสียชีวิตของประชาชน และสูญเสียเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวงในปีที่ผ่านมา…

 

แต่ว่าเถิด อ่านจดหมายหรือยังท่านนายกรัฐมนตรี หรือจะรออ่านจดหมายเปิดผนึกควบกันเป็นฉบับที่สอง?????

 


ติดตามข้อมูลข่าวสารของมูลนิธิสัมมาชีพเพิ่มเติมได้ที่:

 

 

https://www.facebook.com/sammachiv

https://www.facebook.com/chumchonmeedee

https://www.youtube.com/user/RightLivelihoods

Back To Top