skip to Main Content
02-530-9204-5 sammachiv.pr@gmail.com
ปักหมุด UNSEEN เหนือ ลุยเที่ยวธรรมชาติ สัมผัสหมอกหนาว
Communication chat icon above cityscape in the night light of the city.

ปักหมุด UNSEEN เหนือ ลุยเที่ยวธรรมชาติ สัมผัสหมอกหนาว

 

ปักหมุด UNSEEN เหนือ ลุยเที่ยวธรรมชาติ สัมผัสหมอกหนาว

 

ทุกปีเมื่อย่างเข้าหน้าหนาว โปรแกรมเที่ยวภาคเหนือไปสัมผัสบรรยากาศเย็นยะเยือกต่ำกว่า 10 องศาถูกจัดวางในอารมณ์คนเดินทางเป็นปกติ วูบหนึ่งของพวกเขาอยากลุกตื่นเช้าไปเฝ้ามองทะเลหมอกขาวลอยนิ่งปกคลุมยอดเขา แล้วเอื้อมมือลูบคลำปุยน้ำค้างแม่คะนิ้งเกาะยอดหญ้าและใบไม้เบาๆ  พฤติกรรมธรรมชาติหนาวเช่นนี้ถูกจัดเก็บเป็นภาพจำเสมอๆที่ยอดดอยอินทนนท์แหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่ อันขึ้นชื่อของไทย

 

แต่หน้าหนาวปลายปี 2564 ต่อต้นปี 2565 มีความพิเศษกว่าช่วงปลายปี 2563 เพราะรัฐบาลและ ศบค.ยกเลิกเคอร์ฟิว ผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด พร้อมทั้งโปรโมตโครงการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ความสุขกับเที่ยวธรรมชาติสามารถมาเติมอารมณ์ได้มากกว่าช่วงควบคุมยามโควิดระบาดรุนแรง

 

รหัสเปิดประเทศ คือ เร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว ลึกๆแล้วรัฐบาลมุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจโดยมีการใช้จ่ายภาคท่องเที่ยวและบริการเป็นสินค้านำทำเงิน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สร้างจุดขายแหล่งเที่ยวใหม่ๆออกมาเรียกน้ำย่อยเพิ่มขึ้น เมื่อรวมกับพื้นที่เที่ยวเดิมแล้ว จึงวาดหวังให้ทำรายได้ถึง 4.82 แสนล้านบาท โดยผ่าน 3 โครงการหลัก คือ เที่ยวด้วยกันเฟส 3  ทัวร์เที่ยวไทย และ 25 UNSEEN New Series ซึ่งเป็นจุดขายในมุมมองใหม่ด้านการท่องเที่ยวในไทย

 

25 UNSEEN New Series ที่ ททท.วางไว้สนองนักท่องเที่ยวมีอยู่ทั่วทุกภาค โดยเฉพาะภาคเหนือแนะนำ 5 UNSEEN มีม่อนหมอกตะวัน จังหวัดตาก, ถ้ำแม่ละนา จังหวัดแม่ฮองสอน และวัดนันตาราม จังหวัดพะเยา เป็น 3 ใน 5 แหล่งเที่ยวภาคเหนือที่ถูกโปรโมตเป็นจุดขายใหม่เพื่อดึงดูดนักเดินทางให้ไปสัมผัสธรรมชาติป่าเขา

 

ดังนั้น หน้าหนาวนี้ จึงแนะนำการเที่ยว UNSEEN ภาคเหนือให้ไปสัมผัสธรรมชาติ ด้วยบรรยากาศหนาวเย็น แล้วปล่อยอารมณ์ดิบๆของตึกปูนสูงในเมืองให้ลอยไปกับหมอกขาวยามเช้าของม่อนหมอกตะวัน ส่วนขาลุยต้องไปผจญภัยถ้ำแม่ละนา แล้วจบท้ายด้วยไหว้พระขอพรปี 2565 กับพระไม้สักทององค์ใหญ่ที่วัดนันตาราม…ไปกัน

ม่อนหมอกตะวัน: สัมผัสธรรมชาติได้สุขภาพ

“ม่อนหมอกตะวัน”เป็นแหล่งปลูกข้าวโพดและพืชการเกษตรของชนชาติม้งมานาน ตั้งอยู่ยอดดอยบ้านป่าหวาย ตำบลคีรีราษฎร์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก เมื่อมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปชมธรรมชาติมากขึ้น อาชีพเกษตรจึงถูกปรับรูปเป็นบริการท่องเที่ยวโดยชุมชนเปิดให้ไปสัมผัสอากาศหนาว ชมทะเลหมอกอันตื่นตาทั้งช่วงเย็นและเช้า

 

แหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณ 50 ไร่ อยู่บนยอดเขามีความสูง 1,100 เมตร ชุมชนร่วมใจกันจัดวางระบบ และระเบียบความเรียบร้อยทั้งด้านที่จอดรถยนต์ รถจักรยานยนต์ การทิ้งขยะ จัดการเส้นทางจราจร และบริหารจัดการพื้นที่ให้กับนักท่องเที่ยวได้รับความปลอดภัย ความสะดวก และการรักษาสิ่งแวดล้อม

ด้วยทะเลหมอกที่สวยงาม ในช่วงเช้าได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกยามเย็น ท่ามกลางอากาศมีลมพัดเย็นสบาย ในฤดูหนาวจะหนาวเย็นมาก จึงเป็นจุดขายดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยือนมากขึ้น จนกลายเป็นเศรษฐกิจชุมชนท้องถิ่นด้านท่องเที่ยวมาแทนที่การเกษตร ชาวบ้านร่วมใจสร้างสถานที่พักให้คนอยากค้างคืน มีบริการเต็นท์พักนอน กำหนดพื้นที่ชมวิวบนยอดดอยกลางหุบเขาเพื่อความปลอดภัย พร้อมมีบริการอาหารเครื่องดื่ม ย่างปิ้ง หมูกระทะ ปลาเผา ไว้รองรับนักท่องเที่ยวให้อิ่มท้อง นอนผึ่งพุงปล่อยอารมณ์ฟินๆลอยเล่นทะเลหมอกปุยขาวยามเย็น

 

การเดินทางไปง่ายๆ ตามถนนคอนกรีตตลอดทาง และที่สำคัญรถทุกชนิดขึ้นไปได้ โดยใช้ถนนหมายเลข 1090 จากตัวแม่สอด มุ่งหน้าสู่อำเภอพบพระ ตรงผ่านอุทยานแห่งชาติน้ำตกพาเจริญ ไม่ไกลซ้ายมือมีป้ายน้ำตกป่าหวาย เข้ามาตามเส้นระยะทางอีก 13 กิโลเมตร ถึงจุดกางเต็นท์ม่อนตะวัน

 

ถ้ำแม่ละนา: อันซีนขาลุยผจญภัย

ถ้ำแม่ละนา อยู่ในอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นถ้ำที่ความยาวตลอดเส้นทางเป็นลำน้ำแม่ละนาลอดผ่านตัวถ้ำกว่า 12 กิโลเมตร ยาวที่สุดในเอเชีย เพราะครั้งแรกๆ ที่เคยสำรวจต้องใช้เวลาเดินมากถึง 15 ชั่วโมงกว่าจะทะลุออกไปอีกด้านหนึ่งของถ้ำได้ แต่ที่สุดยังไม่สามารถสำรวจได้ทั่วทั้งถ้ำอยู่ดี

 

การเที่ยวถ้ำแม่ละนาต้องไปเฉพาะช่วงฤดูหนาวถึงฤดูร้อนเท่านั้น หรือคือไปในช่วงครึ่งปีแรก เพราะช่วงครึ่งปีหลังระดับน้ำในลำน้ำแม่ละนาสูงมากทำให้เข้าถ้ำไม่ได้ ดังนั้นการเที่ยวแห่งนี้จึงเหมาะกับนักท่องถ้ำระดับมือโปร เพราะเป็นถ้ำที่จัดอยู่ในระดับยากถึงยากมาก เรียกได้ว่าต้องมีประสบการณ์และความชำนาญอยู่พอตัว

 

ส่วนผู้ยังไม่มีประสบการณ์ลุยถ้ำแล้ว ยังได้รับอากาศเย็นสบายบริเวณโดยรอบ และยังสามารถชมบางจุดซึ่งมีสิ่งมีชีวิต เช่น ปลาไม่มีตา ปลามุง หอยทาก หอยจิ๋ว เป็นต้น ถ้าต้องการลุยต้องเดินเข้าไปในถ้ำ โดยบางจุดมีห้องขนาดกว้างใหญ่หลายห้องโถง ตลอดทางเดินในถ้ำจะเห็นทั้งหินงอกหินย้อย ม่านหิน และเสาหินต่างๆ ในแต่ละจุดก็จะมีความสวยงามและความยิ่งใหญ่อลังการต่างกันไป โดยเฉพาะได้ชมมุกหิน ระยิบระยับแปลกตา ซึ่งเป็นความงดงามอันซีนของธรรมชาติ

 

สิ่งควรจดจำคือ ด้วยความที่ถ้ำไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ดังนั้นการเดินทางในถ้ำก็ยาก มีบางช่วงต้องว่ายน้ำไปด้วย เลยเป็นที่เที่ยวเพื่อท้าทายผจญภัยของสายลุยสุดๆ แม้ว่าจะชำนาญ แต่ยังต้องหาคนนำทางไปด้วยจะเป็นการดีที่สุด

 

ถ้ำแม่ละนา อยู่ห่างจากตัวอำเภอไปประมาณ 12 กิโลเมตร ถ้ามาจากอำเภอปางมะผ้า ไปบนถนนเส้นทางหลวงหมายเลข 1095 (ปาย-แม่ฮ่องสอน) จากนั้นพอถึงหลักกิโลเมตรที่ 152 เจอกับทางแยกขวา ให้เข้าไปบนถนนทางหลวงหมายเลข 1126 ตรงไปบ้านแม่ละนาราวๆ 6 กิโลเมตร เลี้ยวขวาไปบ้านแม่ละนา และตรงไปที่ถ้ำอีกราวๆ 4 กิโลเมตรก็ถึงจุดหมาย

 

วัดนันตาราม: กราบขอพรพระไม้สักทององค์ใหญ่

วัดนันตารามตั้งอยู่ที่ตลาดเชียงคำ จังหวัดพะเยา ไม่ปรากฏหลักฐานสร้างมาแต่สมัยใด เดิมเรียกว่าวัดจองคา เพราะหลังคาของวิหารมุงด้วยหญ้าคา มีเรื่องเล่าว่า พุทธศาสนิกชนชาวไทใหญ่เข้ามาค้าขายอยู่ในอำเภอเชียงคำเมื่อราวร้อยกว่าปีเป็นผู้สร้างขึ้นบนที่ดินบริจาค 3 ไร่เศษของพ่อหม่องโพธิ์ชื่น และพ่อเฒ่าอุบลเป็นประธานในการก่อสร้างจนสำเร็จ แล้วมีฐานะเป็นพระอารามหรือสำนักสงฆ์ปฏิบัติศาสนกิจ แต่ชาวบ้านมักนิยมเรียกวัดนี้ว่า วัดจองเหนือ

 

รูปแบบของพระวิหารเป็นวิหารไม้สักทั้งหลัง ศิลปกรรมแบบไทใหญ่ หลังคามุงจั่วยกเป็นช่อชั้นลดหลั่นกันลงมาอย่างสวยงาม มุงหลังคาด้วยแป้นเกร็ด (กระเบื้องไม้) เพดานภายในตกแต่งประดับประดาด้วยกระจกสีลวดลายวิจิตรพิศดาร มีเสาไม้ลงรักปิดทองทั้งสิ้น 68 ต้น

 

การก่อสร้างพระวิหารเสร็จเรียบร้อย จึงอัญเชิญพระประธานไม้สักทองต้นใหญ่ทั้งองค์ เป็นศิลปะแบบไทใหญ่สวยงาม ขนาดหน้าตักกว้าง 51 นิ้ว สูงจากฐานถึงยอดพระเกศา 9 ศอก จากวัดจองเหม่ล่า ต.ออย อ.ปง ซึ่งเป็นวัดร้าง มาประดิษฐานเป็นพระประธานในวัดจองคา

นอกจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอเชียงคำแล้ว วัดนันตารามยังเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาหลายประการ เช่น เป็นสำนักศาสนศึกษาปริยัติธรรมแผนกนักธรรมและแผนกบาลี ประจำจังหวัดพะเยา เป็นหน่วยอบรมประชาชนตำบลหย่วน เป็นสถานที่แสดงตนเป็นพุทธมามกะของนักเรียนทั่วไป เป็นสถานที่อบรมพระนวกะภาคพรรษากาลของคณะสงฆ์ อ.เชียงคำ เป็นสถานที่อบรมโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน

 

เมื่อเที่ยวธรรมชาติ สัมผัสอากาศหนาว ปล่อยใจกับปุยหมอกขาวล้างอารมณ์ขุ่นดิบจากตึกปูนกลางควันพิษ แล้วถ่ายเทพลังกับการผจญภัยในถ้ำเพื่อนำแรงใหม่รับปีใหม่ พร้อมไปไหว้พระขอพรย่อมเป็นหนทางจัดวางชีวิต เตรียมสู้กับความไม่แน่นอนในปี 2565 ย่อมเป็นสิ่งดีๆ ที่สามารถทำได้

 


ติดตามข้อมูลข่าวสารของมูลนิธิสัมมาชีพเพิ่มเติมได้ที่:

https://www.facebook.com/sammachiv

https://www.facebook.com/chumchonmeedee

https://www.youtube.com/user/RightLivelihoods

ไม่มีภาพกิจกรรม

ไม่มีวิดีโอ

Back To Top