skip to Main Content
02-530-9204-5 sammachiv.pr@gmail.com
“คิงเพาเวอร์” ประกาศศักดาภูมิปัญญาไทย จากผ้าย้อมคราม “บ้านนาขาม” ถึงผ้าพื้นถิ่นไทยภาคเหนือ สู่สินค้าที่ระลึก “เลสเตอร์ซิตี้” เจาะตลาดอังกฤษ

“คิงเพาเวอร์” ประกาศศักดาภูมิปัญญาไทย จากผ้าย้อมคราม “บ้านนาขาม” ถึงผ้าพื้นถิ่นไทยภาคเหนือ สู่สินค้าที่ระลึก “เลสเตอร์ซิตี้” เจาะตลาดอังกฤษ

          “คิงเพาเวอร์ เจ้าของดิวตี้ฟรี” ร้านค้าปลอดภาษีของไทย ซึ่งเป็นเจ้าของสโมสร “เลสเตอร์ ซิตี้” ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษล่าสุด ได้เผยโฉมสินค้า Ready-to-wear ประจำสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ใหม่ล่าสุด ภายใต้ชื่อ “Thai Natural Dye Collection” สะท้อนความงดงามอันทรงคุณค่าของการย้อมสีธรรมชาติ และการทอผ้าแบบพื้นถิ่นภาคเหนือที่เกิดจากสามภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยแท้ ได้แก่ ชุมชนปกาเกอะญอ จังหวัดลำพูน, การทอจกตามแบบเฉพาะ อ. แม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ และเส้นใยย้อมสีธรรมชาติจาก ตำบลตะเคียนปม จังหวัดลำพูน ได้รับการออกแบบ

 

          ภายใต้แนวคิด Northern Thai Glory เพื่อเชิดชูมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม และคุณค่าอัตลักษณ์ผ้าทอพื้นถิ่นไทยทางภาคเหนือ เกิดเป็นคอลเล็กชั่นเสื้อผ้า กระเป๋า ของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ สไตล์แฟชั่นที่ผสมความเป็นไทยแท้แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

          จุดเริ่มต้นของคอลเล็กชั่นใหม่นี้ ทางทีมนักออกแบบของกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ และดีไซเนอร์ แบรนด์เลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศไทย ได้ร่วมกับชุมชนตำบลตะเคียนปม จังหวัดลำพูน เพื่อสานต่อเสน่ห์ของการย้อมสีธรรมชาติแบบดั้งเดิม ภูมิปัญญาที่ชาวบ้านตะเคียนปมสั่งสม และสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น โดยมีดีเอ็นเอของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ เป็นโจทย์สำคัญ จึงเป็นที่มาของสีหลักใหม่ 4 สี ที่ได้มาจากวัตถุดิบธรรมชาติ ผ่านกระบวนการ “ย้อมร้อน” หรือ “ย้อมเย็น”

 

          โดยเส้นใยที่ย้อมได้มีคุณสมบัติเด่น คือ เป็นสีธรรมชาติ สวมใส่สบาย และระบายอากาศได้ดีจากนั้น จะนำเส้นใยย้อมสีจากลำพูนมาทอแบบวิถีของจกแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ความโดดเด่นอยู่ที่ลวดลายบนผืนผ้าที่เพิ่มเส้นด้ายเป็นช่วงๆ บนหน้ากว้างของผืนผ้าโดยใช้ไม้ขนเม่น หรือนิ้วมือยกเส้นด้ายแล้วพุ่งเส้นด้ายสีพิเศษเพื่อสร้างลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ ปัจจุบันผ้าซิ่นตีนจกเป็นมรดกล้ำค่าทางวัฒนธรรม

          สำหรับคอลเล็กชั่นนี้ ใช้ลายดอกจัน และลายโคมหัวหมอน ซึ่งเป็นลายที่ใช้ทอเฉพาะหัวหมอนที่แม่แจ่ม รวมถึงลายทอตัวหนังสือโลโก้แบรนด์ LCFC ที่เป็นเกิดจากการทอจกกลับหัว ซึ่งเป็นครั้งแรกของชุมชนที่ใช้กรรมวิธีการทอแบบใหม่ เพื่อให้ได้ลายใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคิง เพาเวอร์

 

          ความมหัศจรรย์ของคอลเลกชั่น Thai Natural Dye อยู่ที่โลโก “หน้าจิ้งจอก” ที่เกิดขึ้นจากการทอจกแบบกลับหัวซึ่งไม่เคยมีมาก่อน ทำให้สามารถมองเห็นลายจากผ้าทั้งสองด้านอย่างสวยงาม เพิ่มลาย คือ ลายทอจกดอกจัน ลายโคมและลายทอหน้าหมอน ซึ่งเป็นลายที่แตกต่างจากลายบนผ้าซิ่นทั่วไป

 

          คอลเลกชั่น Thai Natural Dye มีสินค้าให้เลือกหลากหลายแบบ โดยแบ่งออกเป็นเสื้อผ้ายืดมัดย้อมคอกลมแขนสั้น 3 แบบ ราคา 1,250 บาท กระเป๋า Tote มัดย้อม พิมพ์ลายหน้าจิ้งจอก ราคา 1,250 บาท หมวกผ้าทอตีนจก 2 แบบ ราคา 1,350 บาท หมวกมัดย้อมสี ราคา 1,100 บาท

 

          อย่างไรก็ตามในฤดูกาลแข่งขันที่แล้ว “คิงพาวเวอร์” ก็เคยอวดโฉมของที่ระลึกคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดของสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ ประจำปี 2019 ภายใต้ชื่อ INDIGO II (อินดิโก้ ทู) ที่ได้รับการออกแบบ และรังสรรค์ภายใต้แนวคิด “Nature is More” สะท้อนความงดงามของธรรมชาติอันทรงคุณค่าผ่านภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนไทย ผสานดีไซน์และคัทติ้งแบบร่วมสมัย ทว่ายังคงเอกลักษณ์ของผ้าสีย้อมครามไทยไว้อย่างงดงาม

          โดยได้ร่วมพัฒนาคอลเลคชั่นสองกับชุมชนบ้านนาขาม จังหวัดสกลนคร, ทีมครูช่างศิลปหัตถกรรม ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ และทีมนักออกแบบของกลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์อย่างต่อเนื่อง ออกมาเป็นแนวคิด “Nature is More” เพิ่มลูกเล่น และเติมความสนุกในการ mix and match โดยหยิบโทนสีครามมาเล่น มัดให้เป็นลายทางและใส่เทคนิคการไล่สี โดยยังคงคุณสมบัติเด่นของผ้าสีย้อมคราม ได้แก่ เป็นสีธรรมชาติ 100%, นุ่ม, ระบายอากาศได้ดี, สวมใส่สบาย และใช้ได้หลากหลายโอกาส ทุกชิ้นผ่านการย้อมด้วยมือแบบดั้งเดิม คือ ม้วน มัด และจุ่มในสีจนเกิดเป็นลวดลายเอกลักษณ์ที่งดงาม ประณีต และมีเสน่ห์เฉพาะตัว

 

          สำหรับ INDIGO เป็นโปรเจ็กต์ภายใต้โครงการ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ด้านชุมชน โดยความร่วมมือระหว่างกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ และชุมชนบ้านนาขาม จังหวัดสกลนคร โดยบริษัทฯ ได้เข้าไปให้องค์ความรู้กับผู้ผลิตในชุมชน เพื่อต่อยอดพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ตลาดต่างประเทศ และเป็นช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก แสดงศักยภาพฝีมือคนไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในระดับสากล

 

ขอบคุณภาพประกอบจาก เว็บไซต์ marketingoops.com, เว็บไซต์ khaosod.co.th

และเว็บไซต์ kingpower.com

Back To Top