skip to Main Content
02-530-9204-5 sammachiv.pr@gmail.com
“ชัชชาติ”ชนะแลนด์สไลด์  เขย่าอำนาจสั่นสะเทือน!!?

“ชัชชาติ”ชนะแลนด์สไลด์ เขย่าอำนาจสั่นสะเทือน!!?

“ชัชชาติ”ชนะแลนด์สไลด์

เขย่าอำนาจสั่นสะเทือน!!?

การเลือกตั้งผู้ว่า กทม.เมื่อ 22 พ.ค. 2565 นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงผลไม่เป็นทางการ ว่า “นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ชนะด้วยเสียง 1,386,215 คะแนน จากผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 2,673,696 คน จากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง กทม.ทั้งหมดจำนวน 4,402,948 คน หรือมีผู้มาใช้สิทธิร้อยละ 60.73

 

ชัยชนะของ “ชัชชาติ” ผู้สมัครอิสระ (ในความหมายไม่สังกัดพรรคการเมือง) กล่าวกันว่า เป็นเสียงแลนด์สไลด์ท่วมท้นเป็นประวัติการณ์ และทิ้งห่างขาดลอยอันดับสองและสามที่สังกัดพรรคการเมืองนับล้านคะแนน โดยนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ ได้อันดับสอง 254,647 คะแนน และอันดับสามนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร พรรคก้าวไกล ได้ 253,851 คะแนน

 

ยึด กทม.เขย่าอำนาจสั่นสะเทือน !?

ขณะนี้“ชัชชาติ” ยืนแป้นผู้สมัครผู้ว่า กทม. ที่มีคนเทเสียงให้สูงสุดเกินล้านเสียง และยังถือเป็นผู้ว่า กทม.มีคะแนนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ จากที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เคยทำได้ในปีเลือกตั้ง 2556 คือ 1,256,000 คะแนน นายสมัคร สุนทรเวช เคยทำคะแนนได้ 1,016,000 คะแนน และสมัยที่ 2 ของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ทำคะแนนไปได้ 991,018 คะแนน

 

 

นอกจากนี้ ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภา กทม. (ส.ก.) ทั้ง 50 เขตที่เลือกตั้งในคราวเดียวกัน ปลัด กทม.แถลงผลไม่เป็นทางการว่า มีผู้มาใช้สิทธิจำนวน 2,635,283 คน คิดเป็นร้อยละ 60.48 โดยพรรคเพื่อไทย ได้รับเลือกมากสุดจำนวน 19 คน พรรคก้าวไกล 14 คน พรรคประชาธิปัตย์ 9 คน พรรคไทยสร้างไทย 2 คน พรรคพลังประชารัฐ 2 คน กลุ่มรักษ์กรุงเทพ 2 คน และผู้สมัครอิสระ 2 คน ด้วยจำนวนเสียง ส.ก.รวมกันของพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกล ซึ่งชูภาพลักษณ์ไม่เป็นลูกไล่การยึดอำนาจ ได้รับเลือกมากถึง 33 เสียง (19+14) จากทั้งหมด 50 เสียง

 

กล่าวโดยเคร่งครัดแล้ว การเลือกตั้งผู้ว่า กทม.และ ส.ก.ในรอบ 8 ปีตั้งแต่กลุ่มทหารที่เรียกตัวเองว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อครั้งเป็น ผบ.ทบ. นำกำลังยึดอำนาจในปี 2557 ดังนั้น ชัยชนะถล่มทลายของ “ชัชชาติและพรรคเพื่อไทย” จึงถูกตีค่าทางอำนาจการเมืองว่า ประชาชนใช้บัตรเลือกตั้งเขย่าอำนาจนอกระบบเลือกตั้งจนสั่นสะเทือนส่อจิตตกในการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศที่จะมีขึ้นในปี 2566 เป็นอย่างช้า

 

 

ย้ำนโยบาย ผู้ว่า ทำงาน ทำงาน

“ชัชชาติ” ประกาศชัยในตำแหน่ง “ว่าที่ผู้ว่า กทม.”ว่า พร้อมเป็นผู้ว่าของคน กทม.ทุกคน ไม่ว่ากาเสียงเลือกให้หรือไม่เลือกก็ตาม และจะไม่มีขั้ว ไม่มีสี พร้อมทำงานกับ ส.ก.ทุกพรรค ซึ่งเป็นเสียงยืนยันไม่นิยมความขัดแย้ง แต่มุ่งทำงาน และทำงานให้คน กทม.ตามนโยบายหาเสียง

 

ตลอดช่วงหาเสียงกว่า 40 วัน ที่ลุยขอคะแนนเลือกตั้ง ผู้ว่า กทม. “ชัชชาติ” เน้นหลัก “ฟังประชาชนเป็นศูนย์กลางบริหารงาน” พร้อมกับชูนโยบาย 9 ข้อ 214 แผนงาน กับแนวทางผู้ว่าฯ เที่ยงคืน 3 มิติ โดย 9 นโยบาย ประกอบด้วย

  1. ปลอดภัยดี คือการรับเรื่องร้องเรียนจุดเสี่ยง ถ้ามีแก้ไขทันที
  2. สุขภาพดี ยกระดับศูนย์สาธารณสุข คลินิกโรคคนเมือง
  3. สิ่งแวดล้อมดี เช่น การปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้น ประกาศสงครามกับฝุ่น เปลี่ยนขยะเป็นรายได้
  4. เรียนดี คืนครูให้กับโรงเรียน เปิดโรงเรียนเป็นพื้นที่ให้เด็กใช้ความคิดสร้างสรรค์วันเสาร์-อาทิตย์
  5. บริหารจัดการดี
  6. เดินทางดี กทม.ต้องเป็นศูนย์กลางดำเนินการควบคุมไฟจราจร ดูเส้นทางรถเมล์
  7. โครงสร้างดี แก้ไขผังเมือง ทำโครงสร้างตามผังเมืองให้ทัน
  8. เศรษฐกิจดี เป็นเรื่องใหญ่ กระตุ้นเศรษฐกิจ ทำตัวเป็น “ผู้ว่าฯ เที่ยงคืน”
  9. สร้างสรรค์ดี เปิดพื้นที่ให้เด็กรุ่นใหม่ทำงาน สร้างธุรกิจใหม่ ๆ

 

ส่วนนโยบาย “ผู้ว่าฯ เที่ยงคืน 3 มิติ” คือ ต้องมีผู้รับผิดชอบ 24 ชั่วโมง ดูแลคนกรุงเทพ 3 มิติ ด้านความปลอดภัย เน้นถนนเส้นหลักจะมีเเสงไฟสว่างไสว ในซอยทางเข้าบ้าน กล้อง CCTV ทำให้เกิดพื้นที่เสี่ยงเป็นพื้นที่ปลอดภัย อีกทั้งมิติการเดินทาง เน้นอำนวยการให้คนทำงานกลางคืนต้องเดินทาง สะดวกสบาย และมีทางเลือกในการเดินทาง และมติเศรษฐกิจ ชูธุรกิจตอนกลางคืนเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจเมืองหลวง กลุ่มคนที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจยามค่ำคืนต้องได้รับการดูแล

 

ของฝากถึง “ชัชชาติ”

ทั้งผู้สมัครแพ้เลือกตั้ง และไม่ส่งลงสมัครผู้ว่า กทม.ต่างทยอยส่งข้อเสนอแนะเป็นของฝากถึง “ชัชชาติ” นำไปทำงานเพื่อเปลี่ยน กทม.ให้ดีขึ้น ทั้งนี้ของฝากสำคัญล้วนเป็นงานชิ้นใหญ่ในด้านฟื้นคืนเศรษฐกิจ ช่วยเหลือปากท้องชาวบ้านคนจน แก้น้ำท่วม ลดปัญหาจราจรติดขัด

“สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” ผู้สมัครได้เสียงอันดับสอง เน้นส่งของฝากให้ “ชัชชาติ” แก้ปัญหาน้ำท่วมด้วยแนวทางใหม่ ใช้หลักนวัตกรรมวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมเข้ามาช่วย ส่วน “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ผู้แพ้ได้ที่สามขอให้ทำเมือง กทม.เป็นพื้นที่ของคนเท่ากัน และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง แม้เป็น อดีต ผู้ว่าแต่งตั้งคนเก่า แต่แพ้ยับเยินในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ได้ยอมรับผลเลือกตั้งและเสนอด้วยเสียงเรียบเฉยปนเศร้า ขอมีส่วนร่วม แนะ“ชัชชาติ”นำนโยบายที่ดีของตนเองไปทำให้เกิดประโยชน์กับประชาชน

 

ไม่เพียงเท่านั้น นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความยินดีกับ “ชัชชาติ” พร้อมเสนอให้เปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯให้ดีขึ้น ซึ่งมิใช่แค่คนกรุงเทพฯ แต่เพื่อคนไทยทุกคน ซึ่งกำลังเดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจปากท้องอย่างหนักทั่วประเทศ

นายอุตตม ย้ำว่า สิ่งที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง คือ กทม.ต้องยกระดับเรื่องเศรษฐกิจขึ้นมาเป็นภารกิจหลักและเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือประชาชน เช่น ช่วยหาทางลดค่าใช้จ่ายด้านการเดินทาง ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อย ทั้ง 2 เรื่องนี้คือ ต้นทุนชีวิตส่วนใหญ่ของคนเมือง นอกจากนี้ กทม.ต้องสร้างโอกาสในการหารายได้เพิ่มให้ประชาชนด้วย เพราะ กทม.มีกลไกและทรัพยากรพร้อมทำงานในเรื่องทั้งหมดนี้อยู่แล้ว

 

“การยกระดับเศรษฐกิจชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน คือจุดเริ่มของเส้นทางที่จะสร้างให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครแห่งความหวังและความสุขของทุกคน ขอเป็นกำลังใจให้นายชัชชาติ ในการทำงานเพื่อนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงของกรุงเทพฯ ครั้งใหม่นี้”

 

แน่ละ คงขาดไม่ได้กับความยินดีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต่อเนื่อง 8 ปีตั้งแต่ยึดอำนาจเมื่อปี 2557 ร่วมส่งของฝากในชัยชนะเลือกตั้งของ “ชัชชาติ” ด้วยเช่นกัน โดยยืนยัน รัฐบาลพร้อมร่วมทำงานเพื่อขับเคลื่อนและพัฒนา อะไรที่เป็นผลดี มีประโยชน์ต่อชาว กทม.รัฐบาลพร้อมสนับสนุน

 

 

ดังนั้น จากหลากหลายความยินดีและของฝากที่ส่งถึง “ชัชชาติ” แม้เป็นเพียงสิ่งที่ควรทำไปตามมติเสียงเลือกตั้งจากประชาชน แต่ยังไม่ใช่สิ่งผูกมัดที่จำเป็นให้ยึดถือในใจลึกๆทั้งคนฝากและผู้รับฝาก

 

“ชัชชาติ”เป็นใคร เคยทำอะไรบ้าง

“ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ไม่ใช่คนไร้ชื่อทางการเมือง ตามประวัติเคยสังกัดพรรคเพื่อไทย และเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งทั่วไป 2562 และเป็นอดีต รมช.คมนาคม เสนองบประมาณเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทมาสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง แต่ถูกขัดขวางในศาลด้วยคำพูด “รถไฟความเร็วสูงยังไม่จำเป็นสำหรับประเทศไทย และเป็นไปได้ ควรให้ถนนลูกรัง หมดไปจากประเทศก่อน”

 

เมื่อถูก คสช.ยึดอำนาจในปี 2557 “ชัชาติ”ถูกคลุมหัวด้วยถุงดำ ทหารนำตัวไปควบคุมไว้ในค่าย หลังถูกปล่อยตัว ความมุ่งมั่นในระบบเลือกตั้งตามหลักประชาธิปไตยขั้นพื้นฐาน จึงตั้งใจลงสนามเลือกตั้ง ผู้ว่า กทม. โดยหาเสียง ประกาศเจตนารมณ์ทางการเมือง เดินทางไปทั่ว กทม.มากว่า 2 ปี คนรู้จักทั่วเมืองกรุง แล้วมาถึงวันที่ 22 พ.ค. 2565 จึงชนะเลือกตั้งด้วยเสียงแลนด์สไลด์ ซึ่งไม่ใช่สิ่งแปลกใจกับมติคน กทม.มอบให้ตามความมุ่งมั่น เอาจริง

 

ส่วนงานการที่ไม่ใช่การเมืองนั้น “ชัชชาติ” เป็นคนเรียนหนังสือเก่ง จบวิศวกรรมโยธาทั้งตรี โท เอก อีกทั้งปริญญาโทบริหารจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและสหรัฐ นอกจากนี้ เคยเป็นวิศวกรโครงสร้าง บริษัท Skidmore, Owings & Merrill, Chicago IL, Chicago IL และเคยเป็นกรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ประธานกรรมการบริหารความเสี่ยง บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด

 

 

รวมทั้งเคยเป็นอดีตประธานคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ อดีตกรรมการบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด, กรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย, อดีตกรรมการบริษัท ขนส่ง จํากัด

 

สำหรับการงานทางวิชาการ “ชัชชาติ” เคยเป็นผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

แล้วปัจจุบันและในอนาคตอันใกล้ต้องเติมชื่อ “ชัชชาติ” ว่า เป็นผู้ว่า กทม.ที่ได้รับเสียงชนะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ผู้ว่า กทม.เลือกตั้ง ด้วยเสียง 1,386,215 คะแนน ในอนาคตจะมีใครมาแซงได้หรือไม่ ซึ่งคงยากจะคาดเดาได้

 


ติดตามข้อมูลข่าวสารของมูลนิธิสัมมาชีพเพิ่มเติมได้ที่:

 

https://www.facebook.com/sammachiv

https://www.facebook.com/chumchonmeedee

https://www.youtube.com/user/RightLivelihoods

 

 

Back To Top