ท่องเที่ยวบ้านแหลม คว้ารางวัลวิสาหกิจชุมชนต้นแบบสัมมาชีพปี 64
ท่องเที่ยวบ้านแหลม
คว้ารางวัลวิสาหกิจชุมชนต้นแบบสัมมาชีพปี 64
เสียงลงท้ายคำพูดว่า “นะจ๊ะ” ของชาวบ้านแหลมเป็นธรรมชาติ เหมือนรับฟังสำเนียงเสียงย้อนกลับสู่ถิ่นไทยเดิมที่ถ่ายทอดสืบสานกันเป็นรุ่นๆ ซึ่งแตกต่างจาก “นะจ๊ะ”ที่หลุดจากปากอำนาจในตึกปูนศูนย์บัญชาการแห่งเมืองหลวงกรุงเทพฯ
“นะจ๊ะ”ของชาวบ้านแหลม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ฟังรื่นหูเป็นกันเอง เป็นเสน่ห์ของชุมชนที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับสายน้ำท่าจีนไหลผ่าน ชาวบ้านเลี้ยงปากเลี้ยงท้องด้วยวิถีคนริมน้ำ พายเรือหาปลาม้า พร้อมทำประมงน้ำจืด แล้วเปลี่ยนมาเป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม คือ ใช้วิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวบ้านเป็นต้นทุนสร้างจุดขายหารายได้เพิ่มจากการทำนาปลูกข้าวในแต่ละปี
กว่า 10 ปีแล้ว นับแต่จุดเริ่มต้นรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจท่องเที่ยวชุมชนตำบลบ้านแหลมหรือบ้านสวนแผ่นดินแม่เมื่อปี 2555 โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แนะนำให้ชาวบ้านรวมกลุ่มกันสร้างการท่องเที่ยวชุมชนขึ้นมา และช่วงเวลาผ่านมาชาวบ้านแหลมมีประสบการณ์ทำกิจกรรมท่องเที่ยวอยู่ไม่น้อย สร้างมัคคุเทศก์หลายรุ่นไว้บริการนำเที่ยวให้ความรู้ เล่าเรื่องความเป็นมาของชุมชน อธิบายถึงวิถีชีวิตท้องถิ่น เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวหลากหลายมาสัมผัสกิจกรรมต่างๆที่จัดขึ้นไว้รองรับตามความประสงค์ของคนต่างถิ่นที่มาท่องเที่ยวเยี่ยมเยือน
จากประสบการณ์ของชุมชน แล้วถักทอผูกมัดกันด้วยความรักสามัคคีของชาวบ้าน วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านแหลมจึงเป็นชุมชนหนึ่งในสิบของประเทศที่ได้รับรางวัลชุมชนต้นแบบของ ททท.ในโครงการ Village tourism 4.0 กระทั่งได้รับได้รับรางวัลวิสาหกิจชุมชนต้นแบบสัมมาชีพประจำปี 2564 สิ่งนี้สะท้อนถึงการเรียนรู้จากการเปลี่ยนชีวิตเกษตรกรรรมมาสู่วิถีท่องเที่ยวชุมชน ทำให้รู้ว่า “ได้รู้ จากที่ไม่เคยรู้มาก่อน”
มีเรื่องเล่าว่า ผลิตภัณฑ์เครื่องจักสานจากผักตบชวาจากที่ไม่เคยรู้ แต่ได้รับความรู้จากกรมพัฒนาชุมชนนำครูมาสอน จนเกิดการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์จักสานที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้จากการส่งเยาวชนไปอบรมนักมัคคุเทศก์รุ่นเยาว์กับการท่องเที่ยว เพื่อกลับมานำเที่ยวให้ความรู้กับนักท่องเที่ยวอย่างมีคุณภาพอีกด้วย
คนที่มาร่วมพัฒนาวิสาหกิจชุมชนมีตั้งแต่เยาวชน วัยเรียน จนถึงอายุ 80 ปี อีกทั้งคนอายุกว่า 60 ขึ้นไป เมื่อเกษียณแล้วยังเข้าร่วมกิจกรรมซึ่งเท่ากับทำให้ไม่เหงาและมึความสุข โดยคนเหล่านี้ไม่หวังจะได้ค่าแรงจากการร่วมทำกิจกรรม นอกจากนี้ชุมชนยังพยายามดึงเด็กติดเกมมาใช้เวลาให้เกิดประโยชน์แล้วมีรายได้ อันนำไปต่อยอดสู่ชุมชนเกิดรักสามัคคีกันมากขึ้น
จุดเด่นการท่องเที่ยวของชุมชนคือ การต้อนรับ โดยเฉพาะการล่องเรือแล้วมีการเล่าเรื่องชุมชน และประวัติศาสตร์ ร.5 เสด็จประพาสต้น เล่าผ่านด้วยเพลงฉ่อย เพลงอีแซว เพลงเกี่ยวข้าว โดยเป็นการร่วมทำกิจกรรมร้องรำทำเพลงพื้นถิ่นระหว่างชุมชนและนักท่องเที่ยวด้วยกัน
กิจกรรมท่องเที่ยวบ้่านแหลมมีกว่า 20 กว่าอย่าง เช่น ล่องเรือ ตำน้ำพริกเผาโบราณไม่ใส่ผงชูรส และน้ำตาลสามารถเอาไปทำต้มยำ อีกทั้งยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวร่วมทำขนมทองพับ ทำขนมเจ้าบ้านเจ้าเรือน รวมทั้งทำไร่นาสวนผสม สิ่งเหล่านี้เชื่อว่า วิถีชีวิตชุมชนท่องเที่ยวสามารถสร้างความยั่งยืนได้ เพราะมีการถ่ายทอดสืบสานทางวัฒนธรรมพื้นถิ่น ด้วยการสื่อสารผ่านเพลงพื้นบ้านสุพรรณบุรี ร่วมทำกิจกรรมเน้นให้เกิดความรักความสามัคคี เหนืออื่นใด ชุมชนไม่มองเรื่องเงินเป็นสิ่งสำคัญ แต่จะเชิดชูความโปร่งใส ความยุติธรรมในการให้ค่าตอบแทน
ความน่าสนใจอีกอย่างของวิสาหกิจท่องเที่ยวบ้านแหลมคือ ไผ่ตาพุดโฮมสเตย์ ซึ่งปลูกสร้างรักษาเป็นทรงเรือนไทยสำหรับการพักผ่อนของนักท่องเที่ยวที่ต้องการค้างแรมสัมผัสกับวิถีชีวิตในบรรยากาศบ้านทรงไทยริมแม่น้ำบางปลาม้าในบริเวณต้นไผ่สีสุก ที่ขึ้นอยู่ทั่วไปตลอดสองฝั่งลำน้ำ เพราะชาวบ้านเชื่อว่าเป็นไม้มงคล และสามารถนำมาบริโภคปรุงเป็นอาหาร
มีเรื่องเล่าว่า เมื่อ ร.ศ.50 (พ.ศ. 2375) สุนทรภู่ล่องเรือผ่านมาย่านนี้ ได้แต่งโคลงนิราศสุพรรณ
กล่าวถึงต้นไผ่เอาไว้ ว่า
“ บางปลาม้าป่าอ้อ กอรกำ ไม้ไผ่ใหญ่สลวยลำ สล่างเฟื้อย
ชาวบ้านย่านนั้นทำ ที่ไร่ ไว้แฮ ปลูกผักฟักแฟงเลื้อย ลูกห้อยย้อยไสวฯ ”
ชาวบ้านเรียกบริเวณนี้ว่า “ไผ่ตาพุด” ปัจจุบันคนรุ่นหลังไม่มีใครรู้จักชื่อนี้แล้ว เพื่อเป็นการอนุรักษ์ชื่อนี้ไว้ ทางกลุ่มจึงนำชื่อ ไผ่ตาพุดมาตั้งเป็นชื่อกลุ่ม “ไผ่ตาพุดโฮมสเตย์” เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสกับวิถีชีวิต ในบรรยากาศบ้านทรงไทยริมแม่น้ำบางปลาม้า
ชุมชนบ้านแหลมจัดโปรแกรมนำเที่ยวไว้คอยต้อนรับหลากหลายตามความต้องการของผู้มาเยือน เช่น โปรแกรม One Day Trip มีให้เลือก 3 แบบ คือ เที่ยววิถีไทยหัวใจชุมชน เป็นการเที่ยวศูนย์ชุมชนบ้านสวนแผ่นดินแม่ เรียนรู้การทำขนมทองพับผลัดถิ่น น้ำพริกเผาสมุนไพรสูตรโบราณ น้ำพริกไปนาแม่โสภา พร้อมทั้งไหว้พระวัดป่าพฤกษริมแม่น้ำสุพรรณ วัดในตำนานเส้นทางทัพพม่าอังวะ-มอญรามัญ สักการะหลวงพ่อสีแสง ไหว้พระประจำวันเกิด ตีระฆัง 88 ใบ ให้อาหารปลาหน้าวัด นอกจากนี้มีโปรแกรมวิถีไทยกับสายน้ำ ไปเรียนรู้การทำภาชนะใส่อาหารจากผักตบชวา / การทำธูปหอมสมุนไพรพรหมเศรษฐีหลากสีประจำวันเกิด และล่องเรือทานอาหาร
ทริปที่ไม่น่าพลาดคือ การล่องเรือไหว้พระตามเส้นทางเสด็จประพาสต้น ร.5 และตามรอยตำนานนิราศสุพรรณ ร.ศ. 50 ของท่านสุนทรภู่ กวีเอกของโลก เช่น วัดบางแม่ม้าย / วัดท่าเจริญ / วัดบางเลน / วัดบางใหญ่ / วัดดารา / วัดศุขเกษม / วัดป่าพฤกษ์ / วัดเจ้าขาว / วัดชีปะขาว / วัดตะค่า/ วัดใหม่พิณสุวรรณ / วัดบางยี่หน
ถ้านักท่องเที่ยวมีเวลาเที่ยวแบบพักค้างคืนแล้ว ชุมชนบ้านแหลมก็มีโปรแกรมแบบเที่ยว 2 วัน 1 คืน เป็นการเที่ยวแบบพายเรือ-ปั่นจักรยานน้ำหรือปั่นจักรยานเลาะชมวิถีชุมชน แวะไร่นาสวนผสมเพื่อซึมซับวิถีชุมชน โดยสามารถเข้าร่วมทำกิจกรรมได้จากฐานวิถีชีวิต คือ ฐานของคาวหวาน ฐานงานแฮนด์เมด เรียนรู้ทำภาชนะใส่อาหารจากวัสดุธรรมชาติ จานชามถ้วยจากผักตบชวาผสมใบตอง/ การทำกระดาษผักตบชวา เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีสินค้าที่ระลึกทำจากผักตบชวาให้ซื้อเป็นของฝากอีกมากมาย เช่น หมวก กระเป๋า จาน ชาม เป็นต้น
ชุมชนท่องเที่ยงบ้านแหลมห่างจากกรุงเทพฯไม่มากนัก เหมาะพาครอบครัวไปเที่ยวเรียนรู้วิถีชีวิตพื้นถิ่น ไปฟังเสียงพูดออกจากใจที่ลงท้ายด้วย “นะจ๊ะ” อย่างใสซื่อ ไม่มีน้ำเสียงแห่งอำนาจซ่อนไว้กดข่ม โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในช่วงโควิดระบาดชุมชนจึงเน้นให้ปฎิบัติตามหลัก DMHTTA และมาตรฐาน SHA ต้องพกพาเจลส่วนตัวมาเอง เพื่อลดการใช้ร่วมกัน อีกอย่างต้องแสดงผลตรวจ ATK หลังรู้ผลก่อนใช้บริการ 24 ชั่วโมง หรือตรวจ ATK หน้าศูนย์ชุมชน สิ่งสำคัญนักท่องเที่ยวต้อง “จองก่อนเที่ยว”…นะจ๊ะ
ติดตามข้อมูลข่าวสารของมูลนิธิสัมมาชีพเพิ่มเติมได้ที่:
https://www.facebook.com/sammachiv
https://www.facebook.com/chumchonmeedee
https://www.youtube.com/user/RightLivelihoods